ผู้ร้องเรียนและชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้ร่วมกันลงชื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินโดยกล่าวอ้างว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ปกปักรักษา ดูแล สระเก็บน้ำสาธารณประโยชน์ซึ่งหน่วยงานของรัฐได้ขุดให้ประชาชนในหมู่บ้านได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้แสวงหาข้อเท็จจริงและประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้ทราบข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า เจ้าของที่ดินปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ได้แสดงเจตนายกที่ดินให้กับหน่วยงานของรัฐ จำนวน 6 ไร่ เพื่อขุดสระเก็บน้ำของหมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงประสานงาน ไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อรับการจัดสรรงบประมาณงานและดำเนินการขุดสระเก็บน้ำ พร้อมจัดทำป้ายซีเมนต์แสดงรายละเอียดของโครงการไว้ ต่อมาปรากฏว่าที่ดินบางส่วนตกอยู่ในภาระจำยอม เรื่องทางเดิน ทางรถยนต์ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำ และสาธารณูปโภคอื่น ๆ ของที่ดิน โฉนดที่ดินแปลงอื่นได้ ตกทอดทางมรดกมายังทายาทของเจ้าของที่ดิน และทายาทได้โอนที่ดินไปยังนายทุน และนายทุนผู้รับโอน ได้ล้อมรั้วลวดหนามทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์จากสระเก็บน้ำได้
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันและสิ่งซึ่งเป็นสาธารณประโยชน์อื่นของหน่วยงานของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่อมากระทรวงมหาดไทยแจ้งให้จังหวัดทุกจังหวัดพิจารณาดำเนินการตามผลคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน และให้แจ้งผลคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะดังกล่าวไปยังอำเภอทุกอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งและสำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงานที่ดินสาขาในพื้นที่จังหวัดเพื่อทราบและ ถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้อง